ปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านดวงอาทิตย์ วันที่ 6 มิ.ย. 2555

Venus Transit on June 06, 2012

 

ในเช้าวันที่ 6 มิ.ย. นี้ คนไทยจะมีโอกาสพิเศษที่จะชมปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ ถ้าพลาดครั้งนี้จะไม่มีให้เห็นจากโลกจนวันที่ 11 ธ.ค. ปี พ.ศ. 2660 ซึ่งเป็นอีก 105 ปีข้างหน้า ดังนั้น วันที่ 6 มิ.ย. นี้ คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเราจะดูปรากฏการณ์นี้ได้ เราไม่ควรมองดวงอาทิตย์ด้วยตาเปล่าเพราะอาจทำให้ตาบอดได้ แต่ปรากฏการณ์นี้ดูไม่ยาก เพียงใช้กล้องส่องทางไกล เลนส์ กระจกเว้า หรือแม้แต่รูเข็ม เพื่อฉายภาพของดวงอาทิตย์บนกระดาษหรือกระดานขาว แล้วจะเห็นดาวศุกร์เป็นวงกลมสีดำที่ค่อยๆ ข้ามหน้าดวงอาทิตย์
เรามาทำความรู้จักกับดาวศุกร์สักนิด
1. ดาวศุกร์เกี่ยวข้องกับระบบสุริยะ และโลกของเราอย่างไรบ้าง
ในประวัติศาสตร์ การติดตามปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ สำคัญเพราะเป็นวิธีแรกที่นักดาราศาสตร์สามารถวัดขนาดระบบสุริยะได้ ท่านแรกที่พยากรณ์เหตุการณ์นี้ได้ ในปี ค.ศ. 1627 คือ โยฮานเนส เคปเลอร์ นักดาราศาสตร์ชื่อดังที่ค้นพบกฎการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ต่อไป เจเรไมอาห์ ฮอร์รอกส์ ปรับแก้ความผิดพลาดเล็กน้อยของเคปเลอร์ แล้วเป็นท่านแรกที่สังเกตปรากฏการณ์นี้ ในปี ค.ศ. 1639 ต่อไป ในปี ค.ศ. 1678 เอดมันด์ แฮลลีย์ (ซึ่งมีชื่อเสียงสำหรับดาวหางแฮลลีย์) เสนอว่าการสังเกตปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์จากละติจูดต่างๆ บนโลก จะให้ข้อมูลสำคัญในการวัดระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์อย่างแม่นยำ โดยใช้หลักการของพาราแล็กซ์ (parallax) ซึ่งเสมือนการมองด้วยตาซ้ายอย่างเดียว หรือตาขวาอย่างเดียว แล้วเห็นวัตถุในฉากหน้าเคลื่อนที่เทียบกับฉากหลัง เพราะรองมองด้วยคนละมุม ในลักษณะเดียวกัน การมองดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ที่ละติจูดต่างๆ บนโลก เป็นการเปลี่ยนมุมมอง แล้วจากการเปลี่ยนตำแหน่งของดาวศุกร์ข้างหน้าดวงอาทิตย์ เราสามารถคำนวณระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ได้ ดังนั้น ปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์มีความสำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ ทางดาราศาสตร์
จากข้อเสนอของแฮลลีย์ในปี ค.ศ. 1678 นักดาราศาสตร์ต้องรอจนปี ค.ศ. 1761 และ 1769 กว่าดาวศุกร์จะผ่านหน้าดวงอาทิตย์อีกครั้ง โดยนักดาราศาสตร์หลายท่านเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสังเกตสองเหตุการณ์นั้น ซึ่งทำให้มีการวัดระยะทางสู่ดวงอาทิตย์ โดยมีความคลาดเคลื่อนเพียงร้อยละสอง นอกจากนี้ การสังเกตปรากฏการณ์นี้ทำให้ค้นพบว่าดาวศุกร์มีบรรยากาศด้วย
ในปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์มีอีกหลายวิธีที่วัดระยะทางนี้ ซึ่งวัดเป็น 149.6 ล้านกิโลเมตร ดังนั้นในปัจจุบันปรากฏการณ์นี้ไม่ค่อยสำคัญทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นเรื่องสนุกที่พวกเราได้เห็นเหตุการณ์นี้ โดยเฉพาะเนื่องจากเหตุการณ์นี้เกิดไม่บ่อยนัก ปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์จะเกิดทีละสองครั้งที่ห่างกันเพียง 8 ปี เช่น ที่เกิดเมื่อปี 8 มิ.ย. ปี พ.ศ. 2547 และวันที่ 6 มิ.ย. ปีนี้ แต่ต่อจากนั้นต้องรออีก 105 ปี โดยปีที่เกิดปรากฏการณ์รวมถึง ปี พ.ศ. 2417, 2425, 2547, 2555, 2660, 2668, ฯลฯ
2. การโคจรของดาวศุกร์ ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตอย่างไร
ไม่มี
3. ดวงดาวต่างๆ ที่โคจรมาใกล้โลกหรือดวงอาทิตย์ เป็นปรากฎการณ์ตามธรรมชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับการอยู่หรือดับไปของดวงดาวใช่หรือไม่
ใช่ แต่ในอนาคตอันไกล อีก 5 พันล้านปีเป็นอย่างน้อย ดวงอาทิตย์ของเราจะเปลี่ยนสภาพเป็นดาวยักษ์แดง ซึ่งจะขยายจนเกือบถึงระยะทางของโลก แต่มีแนวโน้มว่าทั้งดาวศุกร์และโลกจะรอดตัว เพราะในขณะเดียวกับที่ดวงอาทิตย์ขยายตัว วงโคจรของดาวศุกร์และโลกจะขยายตัวทั้งคู่ และไม่โดนดวงอาทิตย์กลืนไป อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นดวงอาทิตย์จะสว่างมากและโลกจะไม่น่าอยู่แล้ว แต่เราไม่ต้องกังวลมากเพราะเป็นเรื่องที่จะเกิด 5 ล้านกว่าปีในอนาคต

ดาวศุกร์ที่เราจะเห็นในวันที่ 6 มิ.ย. นี้จะเป็นวงกลมสีดำ เพราะว่าบังแสงอาทิตย์ แต่หากเรามองดาวศุกร์หลังดวงอาทิตย์เพิ่งตก (หรือก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น อย่างใดอย่างหนึ่ง) ดาวศุกร์มักจะเป็นดาวที่สว่างที่สุดในท้องฟ้า (นอกจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์)
ดาวศุกร์ในแสงธรรมดา (เห็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์)
จากที่ดาวเคราะห์เรียงกัน พุธ ศุกร์ โลก อังคาร ... รายละเอียดเพิ่มเติมดูได้ที่ http://www.thaispaceweather.com/IHY/
ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่ใกล้โลกมากที่สุด คือขนาดใกล้เคียงกัน (เส้นผ่านศูนย์กลางของดาวศุกร์เท่ากับ 12,100 กม., เส้นผ่านศูนย์กลางของโลกเท่ากับ 12,700 กม.) และตำแหน่งห่างกันไม่มาก (ดาวศุกร์ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 108 ล้านกิโลเมตร) แต่โลกห่างกว่าดาวศุกร์นิดหนึ่ง (โลกห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร) จึงเย็นกว่า มีน้ำเหลว และมีชีวิตเกิดขึ้น ซึ่งเปลี่ยนบรรยากาศโลกจนภาวะเรือนกระจกน้อยลงและโลกกลายเป็น "สวรรค์" ที่เย็นสบาย แต่ดาวศุกร์ยังเป็น "นรก" ที่มีภาวะเรือนกระจกอย่างแรง อุณหภูมิพื้นผิวถึง 470 ํC
 
การผ่านหน้าดวงอาทิตย์ เกิดขึ้นเฉพาะกับดาวเคราะห์ที่อยู่ ระหว่างดวงอาทิตย์กับโลก คือดาวพุธและศุกร์ แต่ในสามมิติ การเรียงกันของดาวเคราะห์ (เช่น ดวงอาทิตย์-ดาวศุกร์-โลก) เกิดขึ้นได้ยาก เพราะระนาบการโคจรของดาวศุกร์และโลกไม่ตรงกัน จะเรียงกันได้เฉพาะตรงที่ระนาบตัดกันเป็นเส้น และต้องให้ทั้งดาวศุกร์และโลกโคจรตรงกับเส้นนั้นพร้อมกัน ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ เราจึงเห็นดาวพุธผ่านใบหน้าของดวงอาทิตย์ได้ง่ายกว่า (เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2542, 2546, 2549, 2559, 2562 เป็นต้น)
 
 

ภาพดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์ครั้งที่แล้ว (8 มิ.ย. 2547)